ในยุคดิจิทัลที่การติดต่อกับลูกค้าเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รูปแบบของ “Conversion Funnel” หรือกระบวนการนำผู้สนใจสู่การกระทำ (conversion) ก็จำเป็นต้องปรับตามให้ทัน ผู้ประกอบการ นักการตลาด และเจ้าของธุรกิจจึงต้องเข้าใจทิศทางใหม่ของ Funnel เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคนี้
ความหมายของ Conversion Funnel
Conversion Funnel คือโมเดลที่แสดงเส้นทางผู้ใช้งาน (user) ตั้งแต่จุดเริ่มต้นที่รู้จักแบรนด์ หรือเริ่มมีความสนใจ จนถึงการกระทำที่แบรนด์ตั้งเป้า (เช่น ซื้อ สมัคร ดาวน์โหลด)
ในภาพทั่วไปแบ่งออกเป็น 3 ขั้นหลัก ได้แก่
-
Top of Funnel (TOFU): เป็นขั้นตอนที่ผู้ใช้งานมีโอกาสรู้จักแบรนด์ หรือเจอแบรนด์ผ่านช่องทางต่าง ๆ
-
Middle of Funnel (MOFU): เป็นขั้นที่ผู้ใช้งานเริ่มพิจารณา เก็บข้อมูล เปรียบเทียบแบรนด์ หรือบริการ
-
Bottom of Funnel (BOFU): เป็นขั้นที่แบรนด์ดึงผู้ใช้ให้มาทำการกระทำที่ตั้งไว้ เช่น ซื้อสินค้า ลงทะเบียน ฯลฯ
นอกจากนี้ ยังมีการขยาย Funnel ให้รวมถึง หลังการซื้อ (Post-Purchase / Retention / Advocacy) เพื่อให้ผู้ใช้กลายเป็นลูกค้าประจำ หรือเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ (brand advocate)
จุดอ่อนของ Funnel แบบดั้งเดิม
เมื่อเราย้อนดู Funnel แบบเดิม ซึ่งมองเป็นเส้นทางตรงจาก TOFU → MOFU → BOFU แล้วจบเมื่อซื้อ อาจพบปัญหาหลายประการดังนี้
-
ผู้ใช้ไม่ได้ไหลผ่าน Funnel แบบตรงเสมอ: ผู้ใช้บางคนอาจข้ามขั้นกลาง หรือย้อนกลับไปยังขั้นบนใหม่ได้ ซึ่งโมเดลแบบตรงไม่รองรับสิ่งนี้ได้ดี
-
หลายช่องทาง (channels) ซับซ้อน: ผู้ใช้มีการโต้ตอบกับแบรนด์ผ่านหลายช่องทาง ทั้งโซเชียลมีเดีย อีเมล เว็บไซต์ แอป ซึ่งทำให้เส้นทางไม่ตรงตาม Funnel แบบเดิม
-
ข้อมูลและความเข้าใจลูกค้ามักไม่ครบ: แบรนด์อาจไม่สามารถติดตามได้ครบว่า ผู้ใช้มาจากช่องทางไหน ทำอะไรบ้างก่อนจะซื้อ ซึ่งทำให้ Funnel ไม่ชัดเจน
-
ความคาดหวังของผู้ใช้สูง: ผู้ใช้คาดหวังประสบการณ์ที่ราบรื่น และไม่อยากทำซ้ำขั้นตอนหรือบอกข้อมูลซ้ำกับแบรนด์หลายครั้ง ซึ่งถ้าผิดพลาดจะทำให้เกิดการทิ้ง Funnel ได้
ปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงโลกของ Conversion Funnel
เพื่อให้เข้าใจว่าทำไมทิศทางใหม่ของ Funnel จึงสำคัญ เรามาดูปัจจัยที่ทำให้ Funnel แบบเดิมไม่เพียงพอ
พฤติกรรมผู้บริโภคที่ซับซ้อนขึ้น
-
ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นค้นหาจากมือถือ เครื่องมือค้นหา หรือโซเชียลมีเดีย และอาจซื้อผ่านช่องทางอื่น เช่น แอป หรือหน้าร้าน
-
ผู้ใช้มีจังหวะการซื้อที่เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว และอาจกลับมาอีกครั้งหลังซื้อแล้ว (Re-purchase)
ช่องทาง (Omnichannel) และการสัมผัสหลายจุด
-
ช่องทางต่าง ๆ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ อีเมล แอปมือถือ ทำให้ผู้ใช้มีหลายจุดสัมผัส (touchpoint)
-
ความต่อเนื่องระหว่างช่องทางมีความสำคัญมาก เช่น หากผู้ใช้เริ่มที่โซเชียลแล้วไปที่เว็บไซต์ หากประสบการณ์ไม่สอดคล้องจะทำให้สิทธิ์เสื่อมลง
ข้อมูลและการวัดผลที่ซับซ้อนกว่าเดิม
-
โมเดลเก่าอาจวัดเพียงว่า “คลิกแล้วซื้อ” แต่ในยุคนี้ต้องวัดว่า “ผู้ใช้ทำอะไรบ้างก่อนซื้อ” เช่น เข้าเว็บ ดูสินค้า สั่งข้อมูล รีวิว เปรียบเทียบ
-
การทำ Funnel Optimization จำเป็นต้องดู “จุดหลุด” (drop-off) แต่ละขั้นอย่างละเอียด
ความสำคัญของหลังการซื้อ (Retention & Advocacy)
-
การดึงให้ผู้ใช้กลับมาซื้อซ้ำ หรือกลายเป็นผู้แนะนำแบรนด์ ก็มีความสำคัญไม่น้อยกว่าการซื้อครั้งแรก
-
ค่าใช้จ่ายในการได้ลูกค้าใหม่มักสูงกว่าการรักษาลูกค้าเก่า ซึ่งทำให้ Funnel ต้องให้ความสำคัญกับขั้น Post-Purchase ด้วย
การใช้เทคโนโลยีและ AI
-
เครื่องมือที่ช่วยติดตามพฤติกรรมผู้ใช้ (analytics) ทดสอบ A/B และวางเส้นทางผู้ใช้แบบอัตโนมัติช่วยให้ Funnel มีประสิทธิภาพขึ้น
-
ตัวอย่างงานวิจัยพบว่าโมเดลเรียนรู้แบบ Bayesian ถูกนำมาใช้เพื่อวางแผนการสื่อสารตามสถานะของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำขึ้น
ทิศทางใหม่ของ Conversion Funnel
จากปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงไป เราสามารถสรุป “ทิศทางใหม่” ที่นักการตลาดควรให้ความสนใจ ดังนี้
Funnel ที่ไม่เป็นเส้นตรง (Non-linear Funnel)
-
ผู้ใช้อาจเข้าสู่ขั้นกลางก่อนขั้นบนได้ หรือเลือกซื้อโดยไม่ผ่านขั้นกลาง
-
รูปแบบ Funnel จึงต้องมีความยืดหยุ่น รองรับการเข้าออกหลายจุด และการย้อนกลับไปยังจุดก่อนหน้าได้
-
ตัวอย่าง: ผู้ใช้เห็นโฆษณา คลิกเว็บ แล้วจบที่การซื้อโดยไม่ได้อยู่ในขั้น MOFU นาน
Full-Funnel และ Loop Funnel
-
Funnel ไม่ควรจบที่การซื้อ แต่ต้องรวม หลังการซื้อ เช่น การรักษาลูกค้า (Retention) และการแนะนำต่อ (Advocacy)
-
รูปแบบ Loop Funnel (วงกลม) หรือ Hourglass Funnel มีการใส่ขั้น Adoption / Retention / Advocacy เพิ่มขึ้น
Omni-Channel Integration (ช่องทางแบบบูรณาการ)
-
ต้องผสานทุกช่องทางให้ประสบการณ์ผู้ใช้เป็นเรื่องเดียวกัน ไม่ใช่แยกอิสระ
-
ตัวอย่าง: ผู้ใช้ค้นหาผลิตภัณฑ์ในมือถือ แล้วไปซื้อผ่านคอมพิวเตอร์ แต่ถ้าข้อมูลไม่ตรงกัน อาจทำให้เกิดความไม่พอใจ
Personalisation และการใช้ข้อมูลแบบ Real-Time
-
ใช้ข้อมูลผู้ใช้ในแต่ละจังหวะของ Funnel เพื่อส่งข้อความ CTA หรือเสนอโอกาสเฉพาะบุคคล
-
ตัวอย่าง: ผู้ใช้ที่เคยดูสินค้าชิ้นหนึ่ง แล้วถูกส่งอีเมลพร้อมส่วนลด ถือเป็นการดูแล MOFU → BOFU
Micro-Moments และ Intent-Driven Funnel
-
ผู้ใช้ปัจจุบันมักมี “ช่วงเวลาสั้น ๆ” ที่มีความตั้งใจ (micro-moment) เช่น “อยากกินกาแฟใกล้ฉัน” “หาข้อมูลโรงแรมภูเก็ต”
-
Funnel ยุคใหม่ต้องรองรับการแทรกของ micro-moments เหล่านี้ และปรับให้เข้ากับเหตุการณ์นั้น ๆ
การวัดผลและ Attribution ที่ซับซ้อนขึ้น
-
ต้องวัดผลแบบ multi-touch attribution เพื่อให้เข้าใจว่า “ช่องทางไหน” “จังหวะไหน” มีบทบาทต่อการซื้อ
-
ตัวชี้วัด (metrics) ต่าง ๆ ของแต่ละขั้น เช่น TOFU (Reach, CTR) MOFU (Engagement, View-through-rate) BOFU (Conversion rate, CAC)
แนวทางปฏิบัติสำหรับนักการตลาด
เพื่อให้คุณสามารถปรับ Funnel ให้ทันกับทิศทางใหม่ได้จริง นี่คือข้อเสนอแนะที่ทำได้ทันที
กำหนด Conversion ให้ชัดเจน
-
กำหนดว่า “Conversion” สำหรับแบรนด์ของคุณคืออะไร เช่น ซื้อ สมัครสมาชิก ดาวน์โหลด เข้าร่วมกิจกรรม
-
แบ่ง micro-conversion ย่อยในแต่ละขั้น เช่น คลิกโฆษณา → เข้าเว็บ → ดูหน้า X →สมัคร →ซื้อ
วิเคราะห์ผู้ใช้และเส้นทาง (User Journey Mapping)
-
วางแผนว่า ผู้ใช้จะเริ่มจากช่องทางไหน เข้าเว็บไซต์อย่างไร มีจุดสัมผัส (touchpoint) ไหนบ้าง
-
ออกแบบ Funnel ให้อย่างน้อยรองรับจุดเข้า-ออกหลายจุด (entry/exit)
สร้างเนื้อหาและประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล (Segment & Personalise)
-
สำหรับ TOFU: สร้างเนื้อหาที่ทำให้คนรู้จักแบรนด์ เช่น บทความ โพสต์ โฆษณา
-
สำหรับ MOFU: สร้างเนื้อหาที่ช่วยเปรียบเทียบ ให้เชื่อมั่น เช่น รีวิว เคสสตั๊ดี้ คลิป สัมมนา
-
สำหรับ BOFU: เสนอ CTA ชัดเจน เช่น ส่วนลด ทดลองใช้ฟรี รับประกัน พร้อมเรื่องราวลูกค้าที่เชื่อถือได้
รวมช่องทาง (Omni-Channel) และให้ประสบการณ์ต่อเนื่อง
-
ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกว่า “ย้ายช่องทางแล้วต้องเริ่มใหม่”
-
เช่น หากเริ่มที่โซเชียลมีเดีย ต่อมาที่เว็บ ควรแสดงข้อมูลเดียวกัน หรือจดจำผู้ใช้ได้
ใช้ข้อมูลเพื่อปรับ วัดผลอย่างละเอียด
-
ติดตามหลักสูตรของ Funnel : รู้ว่าในแต่ละขั้นมีผู้ใช้กี่คนหลุดออก ค่า Conversion เป็นเท่าไหร่
-
ใช้ A/B Testing ดูว่าแบบไหนได้ผลดี เช่น Landing Page แบบ A vs แบบ B
-
วัด CAC (Customer Acquisition Cost) และ CLV (Customer Lifetime Value) เพื่อดูว่าลงทุนคุ้มหรือไม่
ให้ความสำคัญกับหลังการซื้อ
-
ส่งอีเมลขอบคุณ แนะนำการใช้งาน เสนอโปรแกรมสมาชิก สร้างโอกาสให้ลูกค้าแนะนำคนอื่น
-
วางแผนให้ลูกค้าเก่าเป็นผู้สนับสนุนแบรนด์ (advocate)
แนวโน้มในอนาคตที่ควรจับตา
-
การใช้ AI/ML เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมผู้ใช้ และเสนอโอกาสการกระทำที่เหมาะสมใน Funnel
-
การเพิ่มบทบาทของ Micro-moments และ Intent การค้นหาที่เฉพาะเจาะจง
-
การวิเคราะห์ Multi-touch Attribution เพื่อวัดช่องทางที่มีบทบาทมากที่สุด
-
การให้ความสำคัญกับ Privacy และ Data ที่ถูกต้อง เนื่องจากกฎข้อบังคับ และพฤติกรรมผู้ใช้เปลี่ยน
FAQ: ทิศทางใหม่ของ Conversion Funnel ในโลกดิจิทัล
A: ปัจจัยสำคัญ ได้แก่ พฤติกรรมผู้บริโภคที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การใช้งานหลายช่องทาง (Omnichannel) ข้อมูลและการวัดผลที่ละเอียดมากขึ้น ความสำคัญของการรักษาลูกค้าหลังการซื้อ เทคโนโลยีและ AI ที่พัฒนาขึ้น
ส่งอีเมลขอบคุณและแนะนำการใช้งาน เสนอโปรแกรมสมาชิกหรือสิทธิพิเศษ สร้างโอกาสให้ลูกค้าแนะนำคนอื่น
การใช้ AI/ML เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมผู้ใช้ บทบาทของ Micro-moments ที่เพิ่มมากขึ้น การวิเคราะห์ Multi-touch Attribution ที่ซับซ้อนขึ้น
สรุป
ทิศทางของ Conversion Funnel ในโลกดิจิทัลไม่ใช่แค่ “การลากผู้ใช้จากขั้นหนึ่งไปอีกขั้นหนึ่ง” อย่างเดียวอีกต่อไป แต่คือการออกแบบเส้นทางที่หลากหลาย ยืดหยุ่น บูรณาการหลายช่องทาง และให้คุณค่าตั้งแต่รู้จักแบรนด์จนกลายเป็นลูกค้าที่ภักดี
ยกระดับธุรกิจของคุณ สู่โลกออนไลน์
ธุรกิจจำนวนมากกำลังก้าวเข้าสู่โลกอีคอมเมิร์ซ ผู้ขายออนไลน์มือใหม่จึงต้องเผชิญกับโลกของการค้าออนไลน์เป็นครั้งแรกโดยไม่มีประสบการณ์ที่มากพอ เราคือผู้ช่วยที่มีประสบการณ์ SME D Plus คือเอเจนซี่การตลาดออไลน์ครบวงจร
ติดต่อทีมเราได้ที่
Facebook: smedplus.th
Line: @smedplus
โทร: 082-635-6266





